ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งก็มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ราคาของนาฬิกาสูงขึ้น โดยเราอาจจะต้องคำนึงถึง 5 เรื่อง จากที่ได้เล่าไปในตอนแรกแล้ว ( กลับไปอ่านได้ที่ : https://luxuryprojects.co/watches-investment/ )
ส่วนตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่เราอยากจะโฟกัส ซึ่งก็คือ Story Sells หรือ “เรื่องราวสร้างราคา” เพราะในหลายๆ ครั้ง เรื่องราวเบื้องหลังนาฬิกา หรือ นาฬิกาของบุคคลสำคัญ สามารถทำให้ราคาของนาฬิกาที่คุณมีอยู่สูงขึ้นได้
Rolex Daytona ราคาขึ้น เพราะ Paul Newman ใส่ ?
ก่อนที่จะมีรุ่น Daytona ออกมาในทุกวันนี้ Rolex ได้ออกรุ่น “Cosmograph Reference 6239” ในปี 1962 ซึ่งถูกออกแบบมาให้นักแข่งรถโดยเฉพาะ เพราะจะมี Tachymeter ใหญ่กว่ารุ่นอื่น โดยเจ้า Tachymeter นั้นสามารถคำนวนได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วต่อระยะทาง, ระยะทางต่อความเร็ว หรือใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น การหาจำนวนชิ้นต่อชั่วโมง ยิ่งสมัยก่อนที่คอมพิวเตอร์ยังไม่เร็วเท่าสมัยนี้ ระบบพวกนี้ถือว่าล้ำยุคมากเลยทีเดียว
กลับมาที่ Rolex รุ่นนี้ที่ถูกใส่โดย Paul Newman ในขณะมาแข่งรถในรายการ Daytona ถึงแม้ว่า Paul Newman อาจจะไม่ใช่นักแข่งมือโปร เขาเป็นแค่นักแสดงและผู้กำกับชื่อดังในยุคนั้นเท่านั้น เจ้า Cosmograph รุ่นนี้เลยดังขึ้นมาและถูกเปลี่ยนชื่อเรียกไปโดยปริยายว่า รุ่น Daytona และที่สำคัญราคาก็สูงขึ้นมากหลังจากนั้น รวมถึงรุ่นอื่นๆในตระกูลเดียวกันด้วย
ปัจจุบันนาฬิกา Rolex รุ่น Paul Newman Ref. 6239 ถูกประมูลไปในราคาสูงที่สุดในขณะนี้ ที่ 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 560 กว่าล้านบาทเลยทีเดียว
เจมส์ บอนด์ ทำให้นาฬิกายี่ห้ออะไรและรุ่นไหนราคาสูงขึ้น ?
ทุกแบรนด์อยากจะอยู่ในหนังเจมส์ บอนด์ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และแบรนด์นาฬิกาก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งปกติแล้วแบรนด์นาฬิกาเจ้าประจำของหนัง เจมส์ บอนด์ 007 ก็คือ Rolex แต่ตั้งแต่ปี 1995 Omega ก็ได้เข้ามามีบทบาทเป็นสปอนเซอร์หลักแทนในยุคของ Pierce Brosnan ในภาค The Golden Eye มาจนถึงปัจจุบัน ( อยากรู้ว่าเจมส์ บอนด์ใส่นาฬิการุ่นอะไรบ้าง อ่านต่อได้เลยที่นี่ : https://luxuryprojects.co/james-bond-watches/ )
ซึ่งเจมส์ บอนด์เรื่องล่าสุด Spectre ในปี 2015 แสดงนำโดย Daniel Craig มีแบรนด์ Omega มาออกแบบรุ่นพิเศษให้กับภาคนี้ ในชื่อรุ่นว่า Seamaster 300 Spectre ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับเข็มแบบ lollipop ผลิตออกมาขายเพียง 7,007 เรือนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันราคาสูงขึ้นมาจากราคาตลาดปี 2015 กว่า 30%
เพราะฉะนั้น Cultural Reference ในการทำการตลาด เรื่องเล่า, จำนวนที่จำกัด และฟีเจอร์ใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการขึ้นราคาของนาฬิกาทั้งสิ้น