1. ROLEX SUBMARINER
ด้วยความหลงใหลในนาฬิกาหรู Rolex ของ Ian Fleming นักเขียนนวนิยายและภาพยนตร์ในตำนานอย่าง James Bond จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็น Sean Connery ใส่นาฬิกา Rolex Submariner, Reference 6358 แสดงในหนัง James Bond ภาคแรก Dr. No เมื่อปี 1962 อีกทั้งยังเชื่อว่านาฬิกาหรูเรือนนี้ที่เป็นสายหนังเป็นของส่วนตัวของ Sean Connery นั่นเอง
Rolex ยังสามารถสร้าง Customer loyalty มัดใจ James Bond ได้อยู่หมัด เพราะเรายังคงเห็น Rolex Submariner, Reference 6538 ปรากฏบนข้อมือ Connery ในภาคที่ 2-3 From Russia with Love (1963) และ Goldfinger (1964) อีกครั้งด้วยเช่นกัน
2. GRUEN PRECISION 510
โดยทั่วไปแล้ว คนมักเข้าใจว่า Rolex Submariner คือนาฬิกาเรือนแรกที่ James Bond ใส่ในภาพยนตร์ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไร?
เพราะถ้าหากจดจำฉากเล่นไพ่ของ James Bond ตอนเปิดตัวใน Dr. No ได้ จะพบนาฬิกา Gruen Precision 510 บนข้อมือของเขา
และนั่นทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว Gruen Precision 510 ต่างหากที่เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ James Bond ใส่ในภาพยนตร์
Gruen ถือเป็นแบรนด์ใหญ่จากอเมริกาและโด่งดังในวงการนาฬิกา แต่ทว่า Gruen กลับต้องปิดตัวลงไปเมื่อปี 1977
อย่างไรก็ตาม Gruen Precision 510 ถือเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องสำหรับ James Bonds เพราะเขามักจะไม่ใส่นาฬิกาดำน้ำมาในคลับหรูๆ อีกทั้งรูปลักษณ์ที่สง่างามของตัวเรือนทำให้เข้ากับชุดทักซีโดอย่างมาก
นอกจากนั้น James Bond ยังใส่นาฬิกาเรือนนี้ใน You Only Live Twice (1967) อีกด้วย
3. HAMILTON PULSAR P2/2900 “ASTRONAUT”
James Bond มักจะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเสมอ อย่างเช่น นาฬิกา Hamilton Pulsar P2/2900 “Astronaut” สุดล้ำ ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดแล้วในยุคนั้น ปรากฏบนข้อมือ James Bond ในภาพยนตร์ตอน Live And Let Die (1973)
James Bond ราวกับกำลังพาเราเข้าสู่โลกแห่งดิจิตอล ด้วยตัวเลขหน้าปัดนาฬิกาของ The Pulsar P2 นั้นเป็นแบบ LCD ที่แม้ว่าปัจจุบันจอแบบนี้จะตกเทรนด์ไปแล้ว แต่ก็ถือว่าล้ำที่สุดแล้วในยุคนั้น
นอกจากนั้นรูปทรงที่แปลกตาคล้ายกับไมโครเวฟในเรื่อง The Jetsons ยังช่วยเพิ่มความทันสมัยให้กับนาฬิกา The Pulsar P2 อีกด้วย
4. BREITLING TOP TIME
นาฬิกา Breitling Top Time ปรากฏครั้งแรกบนข้อมือของ James Bond ในภาพยนตร์ตอน Thunderball (1965) จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แม้ว่าจะผ่านมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม Breitling Top Time ก็ยังถือเป็นนาฬิกาอันมีคุณค่าและถูกประมูลไปมากถึงประมาณ 5 ล้านบาทเมื่อปี 2013 เลยทีเดียว
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Breitling Top Time เป็นนาฬิกาที่ผู้คนอยากครอบครองก็คือเรื่องราวเบื้องหลังของมันนั่นเอง อย่างเช่นการเคยเป็นนาฬิกาของ James Bond ทำให้กลายเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ของนาฬิกาไปโดยปริยาย
นอกจากนั้น Breitling Top Time ยังติดตั้งกลไกค้นหากัมมันตรังสีไว้ภายอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ทำให้ James Bond ตามหาระเบิดอะตอมมิก ที่องค์การสเปคเตอร์ขโมยไปได้ ถือเป็นนาฬิกาสุดล้ำของ James Bonds อีกเรือนหนึ่ง
5. TAG HEUER PROFESSIONAL 200M
นาฬิกา Tag Heuer Professional 200M ปรากฏบนข้อมือของ James Bond ในภาพยนตร์ตอน The Living Daylight (1987)
Tag Heuer รุ่นนี้ผลิตมาเฉพาะ และมีน้อยคนนักที่จะสนใจ เว้นเสียแต่ นักสะสมเท่านั้นที่จะรู้ เพราะพวกเขามักเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดในวงการนาฬิกาเสมอ
และแม้ว่า Tag Heuer Professional 200M จะปรากฏในภาพยนตร์เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น แต่ก็ได้รับความสนใจในหมู่นักสะสมเป็นอยากมาก
ขนาดนักสะสมยังเลือก TAG HEUER PROFESSIONAL 200M ก็น่าจะการันตีแล้วว่านาฬิการุ่นนี้มีคุณค่ามากเพียงใด
6. OMEGA SEAMASTER 300M (Dark Blue)
ภาพยนตร์ James Bond เริ่มผูกสัญญากับแบรนด์นาฬิกาหรูอย่าง Omega ตั้งแต่ปี 1995 ในตอน GoldenEye ด้วยภาพลักษณ์ของ James Bond สุภาพบุรุษที่มาพร้อมกับมาดสุขุม ทำให้ Omega Seamaster 300M ตัวเรือนสีน้ำเงินนี้เหมาะสมเป็นอย่างมาก
ในภาพยนตร์ นาฬิกาเรือนนี้ถูกติดเขี้ยวเล็บ และมาพร้อมกับปืนยิงเลเซอร์ และปืนยิงตะขอ ซึ่งเป็นกับดักระเบิด
Omega Seamaster 300M ยังปรากฏในภาพยนตร์ตอน Tomorrow Never Dies (1997) และ The World Is Not Enough (1999)
7. OMEGA SEAMASTER 300M (Black)
Omega Seamaster 300M รุ่นนี้ ยังปรากฏอีกครั้งในตอน Casino Royale (2006) แต่ทว่าครั้งนี้เป็นตัวเรือนสีดำ ที่สะท้อนความเจ็บปวดลึกๆ ของ James Bond ได้เป็นอย่างดี
และ Bond 25 (2020) ที่กำลังจะฉายในปีหน้าก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า James Bond จะกลับมาพร้อมกับนาฬิกา Omega Seamaster 300M เรือนเดิมนี้แน่นอน