นาฬิกาหรูที่เราเห็นคนใส่กัน คุณคิดว่าเป็นเพราะใส่เพื่อความเท่ห์ หรือเป็นการมองไปถึงอนาคต ที่เราสามารถลงทุนกับสิ่งของเหล่านี้ได้ เพราะราคาของนาฬิกาหรูนั้นมักจะสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

หรือแท้จริงแล้วมันอาจจะอยู่ที่การเลือกหรือเปล่า เพราะถ้าหากเลือกนาฬิกาที่ราคาจะสูงขึ้นในอนาคต หรือเลือกที่ยี่ห้อ รู้ว่ารุ่นไหนคุ้มค่าแก่การลงทุน เผลอๆ เราอาจจะได้ทั้งนาฬิกาที่เท่ห์และราคาสูงขึ้นในเรือนเดียวกัน

บทความนี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 ตอน โดยแต่ละตอนจะพูดถึง

  1. วิธีดูนาฬิกาว่า ถ้าหากจะลงทุน จะต้องดูที่อะไรบ้าง (ตอนที่ 1/3)
  2. ปัจจัยที่ทำให้ราคานาฬิกาสูงขึ้น (ตอนที่ 2/3)
  3. นาฬิกาที่คุณพลาดไป เพราะไม่ได้ซื้อไว้เมื่อ 3 ปีก่อน  (ตอนที่ 3/3)

#ปฐมบท

วิธีดูนาฬิกาว่าถ้าหากจะลงทุน จะต้องดูที่อะไรบ้าง (ตอนที่ 1/3)

เวลาเลือกซื้อนาฬิกา จะมีอยู่ทั้งหมด 5 กลยุทธ์ที่จะมาช่วยตอบโจทย์ให้กับเราทั้งในเรื่องของความเท่ห์และการลงทุนให้ได้ผลกำไร โดยมีดังนี้

1. หาซื้อรุ่น Limited Edition 

การหาซื้อรุ่น Limited Edition นั้น เราจะต้องรู้จักตลาดจริงๆ เพราะถ้าไม่รู้จริง เราอาจจะหลงเข้าไปติดกับดักราคาที่ไม่ขยับไปไหนเลย อย่างเช่น นาฬิกาบางรุ่นของ Pannerai แม้ว่าจะซื้อรุ่น Limited Edition แต่เมื่อเวลาผ่านไป ราคากลับไม่ค่อยขึ้นเลย หรืออาจจะเป็นการซื้อรุ่นที่ไม่นิยมพอ อย่างเช่น รุ่นที่เป็นนาฬิกา Limited Edition อยู่แค่เฉพาะในตลาดของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ส่งผลให้ความเป็น Limited Edition ของนาฬิการุ่นนี้จำกัดอยู่แค่เฉพาะในกลุ่มแคบๆเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวในการขาย ที่เรียกว่า สภาพคล่องต่ำ หรือ Low Market Liquidity  และเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการ (Demand น้อย) จึงทำให้นาฬิกาเหล่านี้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะขายได้กำไร หรือที่เรียกว่าเป็นการเกิด High Risk Investment นั่นเอง

เพราะฉะนั้น เวลาเลือกซื้อรุ่น Limited Edition จะต้องเป็นรุ่นที่ยอดนิยมและสากลมากพอที่จะฮิตและเป็นกระแสจนสามารถขายต่อออกสู่ท้องตลาดได้

2. มีความต้องการในตลาดสูง และสภาพคล่องสูง (High Demand & High Market Liquidity) 

เชื่อไหม? ถ้าคุณมีนาฬิการุ่นเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน อย่างเช่น Rolex รุ่น Sport ต่างๆ, Patek Philippe Nautilus บางรุ่น หรือ Omega บางรุ่นตามโอกาสพิเศษต่างๆ คุณสามารถทำกำไรได้อย่างน้อยๆ ถึง 15% ณ ตอนนี้

การขายต่อและการทำกำไรจะไม่มีปัญหาเลย เมื่อนาฬิการุ่นนั้นๆ เป็นที่ต้องการและเป็นที่นิยมของตลาด อย่างแบรนด์ Rolex ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายทั้งมือหนึ่งและมือสองจน สามารถทำกำไรให้คุณได้อย่างงดงามเลยทีเดียว เมื่อคุณเลือกรุ่นได้ถูกต้อง

3. ศึกษาอย่างถ่องแท้ (Passionate & Watch Enthusiastic) 

การที่จะเข้ามาสู่วงการการลงทุนนาฬิกาหรูนั้นจะต้องใช้เวลาศึกษาทั้งแบรนด์ รุ่นต่างๆ ตลาดการซื้อขาย ฯลฯ ให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง เสมือนกับการเล่นหุ้น เราต้องรู้สนามรบที่เราเล่นอยู่ ถ้าไม่อยากถูกตลาดเล่นงานกับเงินที่คุณเก็บสะสมมา

เราสามารถศึกษาผ่านบล็อกต่างๆ วีดิโอของกูรู อ่านหนังสือ สอบถามกับผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ และยังมีอีกหลายวิธีที่คุณสามารถหาข้อมูลก่อนซื้อนาฬิกามาสะสมสักเรือน เพราะการลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงแน่นนอน การศึกษาคือ #การลดความเสี่ยง ให้กับตัวคุณเอง และสนุกไปกับมัน

4. ใจเย็นๆ (Good Things Come For Those Who Waits) 

เมื่อเราเลือกรุ่นที่เราชอบและคิดว่าจะสามารถทำกำไรให้เราในระยะยาวได้แล้ว ก็สะสมมันไปยาวๆ และเอามาใส่บ้าง แต่ควรดูแลให้มันอยู่ในสภาพที่ดี แฮปปี้ไปกับสิ่งที่เรามี ไม่ต้องใจร้อน #อดทน อย่าคิดว่าซื้อมาวันนี้แล้วจะสามารถทำกำไรได้เลย เพราะการลงทุนต้องใช้เวลา ถ้าเราทำตัวเป็นนักเก็งกำไรและกังวลไปกับการลงทุน การสะสมของคุณก็จะไม่สนุกน่ะสิครับ

ปล่อยให้นาฬิกาที่คุณมี ค่อยๆทำกำไรไปในตัวของมันเอง แล้วคุณจะมีความสุขไปกับมัน

5. เรื่องราวสร้างราคา (Story Sells)

บางครั้งเรื่องราวของนาฬิกาก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนาฬิการุ่นนั้นๆ ได้ เพราะมันอาจจะเป็นโชคของคนซื้อ ที่อยู่ๆ บางทีนาฬิกาของคุณ ราคาก็สูงขึ้นมาอย่างน่าตกใจ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เลย

เรื่องราวเบื้องหลังนาฬิกาบางเรือนก็สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าราคาให้กับนาฬิการุ่นนั้นได้จริงๆ อย่างเช่น Omega Speedmaster ที่ถูกใส่เมื่อครั้งมนุษยชาติได้ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อ่านเพิ่มได้ที่ : https://luxuryprojects.co/the-first-moon-watch/ ) ทำให้นาฬิการุ่นนี้น่าสะสมไปโดยอัตโนมัติเลย

ไม่เพียงแค่เรื่องราวเท่านั้น การที่มีคนดังใส่นาฬิกาเรือนนั้นๆ ก็สามารถทำให้ราคาขึ้นได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดารายุคเก๋าอย่าง Paul Newman กับนาฬิกา Rolex ที่เรียกว่า  Daytona ซึ่งถูกประมูลไปในราคา 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ทำให้รุ่น Daytona ที่ถูกออกแบบตามมาในปัจจุบันกลายเป็นรุ่นน่าสะสมไปโดยปริยาย 

 

 

#กดSeeFirst

เราหวังว่าวิธีการ 5 ข้อนี้ น่าจะช่วยให้คุณสามารถวางกลยุทธ์การเลือกซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนได้แม่นยำมากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ ติดตาม #ปัจจัยที่ทำให้ราคานาฬิกาสูงขึ้น (2/3) ในตอนหน้าได้เลยครับ และอย่าลืมกด See First (เห็นเป็นอันดับแรก) เพจเรา เพื่ออัพเดทข้อมูลก่อนใครได้เลยครับ