หากคุณได้พบกระเป๋าแบรนด์ Hermès และทราบราคา ก็คงจะเกิดคำถามว่าทำไมกระเป๋าแบรนด์นี้ถึงมีราคาสูงลิ่วขนาดนั้น นอกจากการเป็นกระเป๋าถือที่มีราคาสูงที่สุดในโลกแล้ว ยังถูกพูดถึงว่าเป็นกระเป๋าที่มีขั้นตอนการซื้อยากที่สุดอีกด้วย เพราะถึงแม้ราคาจะสูงทะลุเพดานแค่ไหน ก็มีคนที่พร้อมจะจ่ายเพื่อให้ได้มาครอบครองอยู่ดี เหมือนกับเครื่องประดับอัญมณี รถหรู หรือเครื่องแต่งกายอื่นๆ กระเป๋าก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงสถานะทางสังคม รสนิยม และความมั่งคั่งของผู้ใช้งานเช่นกัน แต่ไม่ใช่ใครก็ตามที่มีเงินแล้วจะได้ถือกระเป๋า Hermès แต่ต้องมีการลงชื่อเข้าคิวเพื่อรอซื้อ ซึ่งไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่เป็นปีเลยทีเดียว อะไรที่ทำให้ Hermès มีมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น และอะไรที่ทำให้คนมากมายยอมจ่ายเงินแสนแพงเพื่อให้ได้ Hermès มาครอบครอง

Only the Purest Materials เลือกสรรแต่วัสดุชั้นเยี่ยม

วัสดุสำหรับการผลิตกระเป๋า Hermès นั้น ผ่านการเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด หากเป็นเครื่องหนัง ก็ต้องผ่านการคัดสรรอย่างดี ร่วมกับกระบวนการการผลิตอย่างพิถีพิถันมากๆ เพื่อให้ได้หนังที่คุณภาพดี หรือหากเป็นวัสดุอื่นที่จะเลือกมาใช้นั้น จะต้องมีความบริสุทธิ์อย่างมาก

อย่างกระเป๋าถือของ Hermès ที่ส่วนใหญ่ทำจากหนังจระเข้ก็เป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องเฟ้นหาหนังจระเข้ที่เหมาะสมจะนำมาตัดเย็บ เพราะจระเข้เป็นสัตว์ที่มักจะมีรอยบาดแผลจากการต่อสู้ และกระเป๋าถือแบรนด์ไฮเอนด์ที่ดีไม่ควรมีรอย หรือสามารถหาที่ติได้ ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการที่หลากหลายเพื่อหลีกเลี่ยงและกำจัดรอยเหล่านั้น ในการย้อมสีก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะเฉดสีแฟชั่นสีความเฉพาะเจาะจง ด้วยกระบวนการมากมายเหล่านี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระเป๋าของ Hermès มีราคาสูง

ซึ่งกระเป๋าที่ทำมาจากหนังจระเข้น้ำเค็ม จะใช้จระเข้จากออสเตรเลีย และหากเป็นจระเข้แอฟริกา จะใช้จระเข้จากแม่น้ำไนล์ในแอฟริกา โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งจระเข้น้ำเค็มได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูงกว่าราคาในส่วนวัสดุนี้จะต้องเพิ่มมากขึ้นไปอีก  

Handcrafted by Experienced Artisan ทุกใบใส่ใจด้วยช่างฝีมือสุดชำนาญ

ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรมจะก้าวหน้าและพัฒนาไปมากแค่ไหน แต่ Hermès ก็ยังคงกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ คือการใช้ช่างฝีมือในการตัดเย็บกระเป๋าแต่ละใบ ซึ่งช่างฝีมือของ Hermès นั้นต้องผ่านการฝึกฝนกว่าหลายปีกว่าที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้เย็บกระเป๋าได้ ซึ่งช่างฝีมือแต่ละคนจะรับผิดชอบกระเป๋าใบนั้นตั้งแต่เริ่มต้น โดยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมงในแต่ละใบ หรือหากเป็นช่างฝีมือที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนักก็อาจจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันในการทำกระเป๋าแต่ละใบ กระบวนการทุกขั้นตอนนั้นผ่านการบรรจงเย็บตัดอย่างประณีต ไม่มีการใช้เครื่องจักรใดๆ เลย นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมกระเป๋าของ Hermès มีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ชื่อของ Hermès ได้รับการจดจำในแง่ที่ว่าการผลิตที่เน้นคุณภาพและใช้เวลาอย่างประณีตบรรจง ด้วยความเป็นงานแฮนด์เมดจึงทำให้ Hermès ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระเป๋าถือ แต่มันคือส่วนหนึ่งของงานศิลปะ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีมูลค่าสูงและคุณค่าสำหรับผู้ใช้งานก็สูงเช่นกัน

The Superior Brand Positioning จุดยืนของการเป็นแบรนด์ทรงพลัง

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้มูลค่าของสินค้าภายใต้แบรนด์ Hermès สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกันหลายเท่าตัว นั่นเป็นเพราะการจัดวางจุดยืนที่ชัดเจนให้ตัวแบรนด์เอง ทำให้เกิดการรับรู้จากผู้บริโภคว่า การใช้กระเป๋าจาก Hermès จะแสดงออกถึงความหรูหรา ความมีรสนิยม และสังคมชั้นสูง ด้วยเรื่องราวความเป็นมา ทักษะช่างฝีมือ การผลิตที่ดีเยี่ยม และการเป็นแบรนด์ของชนชั้นสูงในฝรั่งเศสมาอย่างยาวนาน ยิ่งทำให้ Hermès ดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้อย่างดี

Hermès ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในสามของแบรนด์หรูที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกประจำปี 2010 และยังได้เป็นหนึ่งในสามของสัญลักษณ์ความคลาสสิคตลอดกาลและความเป็นแบรนด์ที่หรูหราในสายตาคนทั่วโลก ด้วยการวางจุดยืนให้แบรนด์และการตลาดที่ดี ทำให้ Hermès มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะและอยู่เหนือคู่แข่งได้

Value on the Rise มูลค่าที่ไม่เคยลดลง 

หากจ่ายเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อกระเป๋าแบรนด์อื่นๆ คุณอาจจะได้รุ่นท็อปของแบรนด์นั้น แต่นั่นเป็นเพียงราคาเริ่มต้นของ Hermès ซึ่งหากเป็นรุ่นที่เป็นที่ต้องการ รุ่นที่หายาก เช่น Hermès Birkin ที่ทำจากหนังจระเข้ ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่มีราคาแพงมากๆ ของ Hermès กับราคาประมาณ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก็มีผลสำรวจเกี่ยวกับราคาของ Hermès Birkin พบว่าตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 40 ปี มูลค่าของกระเป๋ารุ่นนี้เพิ่มขึ้นถึง 500% เลยทีเดียว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาด สี วัสดุ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตมูลค่าของกระเป๋า Hermès ก็ต้องเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่า

Beyond the Brand Name คุณค่าที่มากกว่าการเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม

ด้วยการดีไซน์รูปลักษณ์ วัสดุที่เลือกใช้ ที่ต้องเป็นวัสดุที่คุณภาพสูงที่ไม่ได้หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด บวกกับชื่อแบรนด์และความเป็น Hermès ทำให้การใช้กระเป๋าของ Hermès ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของฟังก์ชั่นและการใช้งาน แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยม ฐานะ และแวดวงสังคมอีกด้วย หากคุณมี Hermès สักใบในครอบครองแล้วไม่ต้องการมันอีกต่อไป คุณก็สามารถขายทิ้งพร้อมกับมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย หากคุณเก็บรักษาอย่างดี ให้กระเป๋าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แม้ว่าราคากระเป๋า Hermès จะสูงลิ่วมากกว่าแบรนด์อื่นๆ หลายเท่าตัว แต่เชื่อเถอะว่าการจ่ายเงินเพื่อซื้อ Hermès สักใบจะไม่ใช่เรื่องสูญเปล่าและเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยแบบที่หลายๆ คนคิดอย่างแน่นอน