ยานอวกาศและนาฬิกา สองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าไม่สามารถหาจุดร่วมที่เหมือนกันได้เลย สองสิ่งที่แทบจะไม่มีความข้องเกี่ยวใดๆ ซึ่งกันและกัน สิ่งหนึ่งที่หาพบเจอได้ทั่วไป กับอีกสิ่งหนึ่งที่ยิ่งใหญ่และไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้สัมผัสมัน

แต่สองสิ่งที่ดูเหมือนจะหาจุดร่วมกันได้ยาก กลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับมวลมนุษยชาติ และสร้างความก้าวหน้าให้กับโลก คือการได้ขึ้นไปบนดวงจันทร์ครั้งแรก การประสบความสำเร็จของนาซาที่สามารถส่งยานอวกาศที่มีนักบินอวกาศขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ได้สำเร็จ และความสำเร็จของ ‘Omega Speedmaster’ ที่ผ่านการทดสอบจนได้นาฬิกาที่สามารถใส่ในอวกาศเป็นเรือนแรกได้

That’s one small step for man, one giant leap for mankind จากพื้นโลกสู่พื้นดวงจันทร์

การประกาศเป้าหมายที่จะส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ของ ‘จอห์น เอฟ เคนเนดี้’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในสายตาของคนอื่นๆ ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้จริงๆ จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม ปี 1969 ยานอวกาศ ‘อพอลโล 11’ ขององค์การนาซา ได้พานักบินสู่ห้วงอวกาศ และนำยานสำรวจดวงจันทร์ ‘อีเกิล’ ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จ ท่ามกลางสายตาของชาวโลกกว่า 5 พันล้านคนที่เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ผ่านการถ่ายทอดสดครั้งนี้ โดยมี ‘นีล อาร์มสตรอง’ นักบินอวกาศที่ประทับรอยเท้าแรกบนพื้นผิวดวงจันทร์ ตามมาด้วย ‘บัซ อัลดริน’ ทันทีที่นีลได้ก้าวเท้าลงบนดวงจันทร์ เขาได้กล่าวประโยคที่สร้างความภูมิใจให้กับชาวโลกว่า “นี่เป็นก้าวเล็กๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ”

NASA’s Selection เพราะนาซาเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด

การได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมปฏิบัติภารกิจกับนาซาจึงถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอย่างมาก แม้ต้องใช้ความกล้าหาญและพร้อมเสี่ยงอันตราย แต่ผู้คนมากมายก็ยังใฝ่ฝันที่จะได้เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ใช่ว่าใครมีใจอาสาก็ได้รับเลือก แต่นาซาเองก็มีระบบคัดเลือกและการฝึกฝนที่หนักหนาสาหัส เรียกได้ว่ากว่าจะได้เป็นนักบินอวกาศก็ต้องอดอทนต่อบททดสอบแสนทรหด เทียบกับการเป็นหนูทดลองของนักวิทยาศาสตร์ก็ว่าได้ ทั้งการฝึกการหายใจ การเดินในอวกาศ การกินอาหาร และการใช้ชีวิต

ไม่เพียงแต่นักบินอวกาศที่นาซาต้องคัดเลือกอย่างถ้วนถี่ แต่ของใช้สำคัญแต่ละอย่างที่นาซาจะนำขึ้นไปใช้ก็ต้องผ่านการประดิษฐ์และทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น นาฬิกาข้อมือสำหรับนักบินอวกาศ นาซาต้องทำการคัดเลือกนาฬิกาจากหลายแบรนด์ เพื่อให้ได้นาฬิกาที่จับเวลาแบบไขลานที่ผ่านการรับรองว่าสามารถสวมใส่บนอวกาศได้ จากบททดสอบมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น ภาวะต่างๆ ที่จะต้องเจอในอวกาศครั้งนี้ใช้เวลามากกว่า 3 ปี กว่าจะได้ข้อสรุปว่า ‘Omega Speedmaster’ ผ่านการทดสอบและได้รับเลือกให้ขึ้นไปในอวกาศพร้อมกับยานอพอลโล่ 11 เพราะมีความแม่นยำมากที่สุด ซึ่งต่อมาก็รู้จักกันในนาม ‘Moonwatch’

The watch that witnesses time and space นาฬิกาที่จารึกประวัติศาสตร์

แน่นอนว่าชื่อของนีลได้รับการจดจำว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่ไปถึงดวงจันทร์ เป็นเจ้าของรอยเท้าแรกที่ประทับลงไป จึงอาจมีหลายคนเข้าใจว่าคนที่สวมใส่ Moonwatch และทำให้กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ใส่บนดวงจันทร์คือนีล แต่เปล่าเลย ผู้ที่ใส่ Moonwatch จริงๆ คือบัซมนุษย์อวกาศคนที่ 2 ที่ก้าวเท้าตามนีลลงไปบนดวงจันทร์ต่างหาก นีลได้ถอดนาฬิกาทิ้งเอาไว้ในยานสำรวจดวงจันทร์อีเกิล ก่อนที่จะลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์

ซึ่งหลังจากภารกิจครั้งนั้น Moonwatch ได้รับเลือกจากนาซาให้ใช้ในภารกิจอื่นๆ อีกหลายครั้ง และนอกจากความภาคภูมิใจในการเป็นนาฬิกาของภารกิจบนอวกาศแล้ว ยังใช้เป็นสักขีพยานแห่งความสำเร็จของนักกีฬา ด้วยการเป็นนาฬิกาประจำการแข่งขันโอลิมปิกอีกด้วย

The timepiece that can tell more than time นาฬิกาที่เป็นมากกว่านาฬิกา

แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงและเรื่องราวความเป็นมา ทำให้ Speedmaster หรือ Moonwatch ตั้งแต่แบบคลาสสิคโมเดลเดียวกับที่บัซสวมใส่ หรือรุ่นต่อๆ มาที่ผ่านการรับรองของนาซา ได้กลายเป็นนาฬิกาที่มีคุณค่าอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในส่วนของตัวเรือนและคุณสมบัติการใช้งาน เองก็ไม่ธรรมดา ด้วยดีไซน์และวัสดุที่เลือกใช้ บวกกับการเคลื่อนไหวข้อมือเวลาสวมใส่ช่วยให้มั่นใจถึงความแม่นยำในการบอกเวลา ซึ่งอาจพูดได้ว่าเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ซึ่งจากสถิติการสำรวจเกี่ยวกับของสะสมที่เพิ่มมูลค่าสูงสุดใน 10 ปี โดย KNIGHT FRANK ปี 2017 พบว่านาฬิกามีมูลค่าเพิ่มมากถึง 69% เลยทีเดียว ไม่ว่าคุณจะซื้อเพื่อสวมใส่ หรือซื้อไว้เพื่อการลงทุนเพิ่มมูลค่า Speedmaster ก็เป็นนาฬิกาอีกเรือนหนึ่งที่น่าจับตามอง

ทั้งดีไซน์สุดคลาสสิก คุณสมบัติในการใช้งานที่ผ่านการทดสอบจนไร้ข้อผิดพลาด และเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ในการขึ้นไปเยือนดวงจันทร์ของนาฬิกา Omega Speedmaster เป็นของสะสมที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา แต่หากจะพูดถึงอีกสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่า ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเท่าไร นอกเหนือจากนาฬิกาแล้ว ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักสะสม และคอนโด ‘Ashton Silom’ ก็เป็นสุดยอดของคอนโด บนสุดยอดทำเลที่คุ้มค่าน่าสะสมมากที่สุด

‘Ashton Silom’ กับที่ดินผืนสุดท้ายบนย่านสีลม ที่ดินที่มีคุณค่าด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน และยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของประเทศในปัจจุบน แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของการพักอาศัย เชื่อมต่อกับทุกที่ได้ง่ายๆ ด้วยการคมนาคมที่ครบครัน

พร้อมด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เปิดมุมมองอย่างกว้างขวางและเป็นส่วนตัวเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯอย่างเต็มอิ่มจากมุมที่ดีที่สุดของห้องพักพร้อมด้วยการตกแต่งที่เรียบหรู คลาสสิกเหนือกาลเวลา จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘Ashton Silom’ เป็นหนึ่งในคอนโดที่มีคุณค่า ควรมีเอาไว้ในคอลเลกชันของนักสะสม

Ashton Silom คอนโดเดียวบนถนนสีลมอย่างแท้จริง เดินทางสะดวกเพียง 350ม. BTS ช่องนนทรี เพียง 2 สถานีถึง Icon Siam ลงทะเบียนออนไลน์วันนี้รับสิทธิพิเศษสูงสุด 1 ล้านบาท* ที่https://bit.ly/2OadNlv