‘Nike Air Jordan’ เป็นรองเท้ากีฬาบาสเกตบอลที่แทบจะบอกได้ว่าเป็นรองเท้ากีฬาที่นักสะสมต่างวัย หวังที่จะได้ครอบครอง ด้วยความที่เริ่มออกวางจำหน่ายมามากกว่า 30 ปี ดีไซน์ที่ไม่เคยล้าสมัย และเรื่องราวสุดพิเศษที่มาพร้อมกับรองเท้าแต่รุ่น จึงทำให้นักสะสมทุกวัยต่างเฝ้ารอเพื่อที่จะได้มาไว้ในครอบครอง พร้อมด้วยเรื่องราวความเป็นมาสุดพิเศษ 4 เรื่องกับรองเท้าแต่ละรุ่น ก็ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Air Jordan คือรองเท้าที่ควรค่าแก่การสะสมที่สุด
Never Give Up กายไม่ไหวแต่ใจสู้

ในเกมการแข่งขังนัดชิงชนะเลิศ NBA 1997 ระหว่าง Chicago Bulls กับ Utah Jazz การแข่งขันครั้งนี้เป็นการตัดสินว่าใครจะได้แชมป์ไปครอบครอง หลังจากมีคะแนนเท่ากัน 2-2 ตลอดรายการที่ผ่านมา โดย Jordan สวมใส่ Air Jordan 12 สีดำ-แดง แต่ครั้งนี้เขามาพร้อมกับอาการไข้หวัดซึ่งส่งผลให้เขาอ่อนแอและร่างกายไม่แข็งแรงเท่าเดิม ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็กัดฟันสู้และทำคะแนนไปถึง 38 คะแนน นำทีม Chicago Bulls คว้าตำแหน่งแชมป์มาได้ในปีนั้น นอกจากนั้น ‘Preston Truman’ ผู้เป็นเด็กเก็บบอลและผู้อยู่ข้างๆ ในระหว่างที่รักษาอาการป่วยหลังลงแข่งแมตช์นั้น ได้ขอรองเท้าที่ใส่อยู่เป็นที่ระลึก และรองเท้าคู่นี้เองสามารถทำเงินได้ถึง 104,000 ดอลล่าสหรัฐฯ
$5,000 per match : 5,000 ดอลล่าร์ต่อการใส่ลงแข่ง 1 ครั้ง

ในช่วงปี 1984 ทุกๆ ครั้งของการที่ Jordan สวมใส่รองเท้าลงแข่งในแต่ละแมตช์ Nike จำเป็นต้องจ่ายเงินประมาณ 150,000 บาท เพื่อเป็นค่าปรับให้เขาสวมใส่รองเท้า Air jordan 1 สีแดง-ดำ ลงแข่ง เนื่องจากสมัยนั้น NBA มีกฎว่าสีรองเท้าต้องสอดคล้องกับสีชุดที่สวมใส่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองที่ Air jordan 1 สีแดง-ดำ ไม่สอดคล้องกับสีของชุดแข่งของทีม Chicago Bulls จึงจำเป็นต้องจ่ายค่าปรับทุกครั้ง แต่ Nike ก็ยอมจ่ายด้วยความเต็มใจ เและผลที่ตามมานั้นทำให้ Air Jordan 1 และรุ่นต่อๆไป ได้รับการยอมรับอย่างเกินคาด
It’s not easy like playing basketball ไม่ง่ายเหมือนการเล่นบาส

ใครจะไปรู้ว่า Micheal Jordan ผู้สามารถนำทีมของตนคว้าแชมป์และทำแต้มในการแข่งขันบาสเกตบอลได้มากมาย จะไม่สามารถทำให้ทีมแข่งรถของตนเองให้ชนะได้เป็นจำนวนถึง 93 ครั้งติดต่อกัน ในปี 2004 หลังจาก 5 สัปดาห์ที่รีไทร์จากการเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพในครั้งที่สอง เขาได้สร้างทีมแข่งรถเป็นของตนเองขึ้นมาทันที และได้ขอร้องทีมออกแบบจาก Nike ได้แก่ ‘Mark Smith’ มาร่วมออกแบบอุปกรณ์แข่งขันและรองเท้า Air Jordan 4 รุ่น Motorsports แต่ผลลัพพ์ของการแข่งกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง โดยทีมของเขาแพ้ให้กับที่ใหญ่ๆ ที่มาจากบริษัทที่ผลิตรถแข่งขันโดยตรงไปถึง 93 ครั้ง ถึงจะแพ้ไปถึงเกือบร้อยครั้งก็ตาม ในครั้งที่ 94 ‘Jake Zemke’ สามารถนำทีมเอาชนะได้ในรายการ Daytona International Speedway ปี 2010
Stray or Stay จะอยู่หรือว่าไป

หลังจากที่ Air Jordan ได้ออกไปสู่ตลาดสองรุ่น คือ Air jordan 1 และ 2 เกิดการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของสายการผลิตภัณฑ์รองเท้า Air Jordan โดยผู้ออกแบบ Air jordan 1 ‘Rob Strasser’ ได้ลาออกจาก Nike และไปก่อตั้งบริษัทของตัวเอง และได้โน้มน้าวใจให้ Jordan ย้ายไปสวมใส่รองเท้าของบริษัทของตัวเอง แต่ทาง Nike ได้ ‘Tinker Hatfield’ อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ Hatfield ได้ออกแบบ Air Jordan 3 สี White Cement โดยได้เปลี่ยนโลโก้จากรูปลูกบาสติดปีกเป็นรูป Jump man แทน และนำลายหนังช้างมาใช้การออกแบบรองเท้าเป็นครั้งแรก Harfield และทีมจาก Nike ต้องนั่งรอเป็นเวลามากกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อนำเสนอรองเท้า Air Jordan 3 สี White Cement ให้ Jordan ดู ซึ่งได้นำเสนอหลังจากที่ Jordan ออกรอบกอล์ฟกับ Strasser เสร็จ และเมื่อเห็นก็ตอบตกลงที่จะอยู่กับทาง Nike ทันที