สำหรับใครที่ชื่นชอบ “อูนิ” และรักการทานซูชิในรูปแบบ “โอมากาเสะ” ต้องห้ามพลาด ! เพราะช่วงนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ “อูนิ” มีรสชาติหวาน และใหญ่ที่สุด
วันนี้เราจะพาคุณมาตะลุยคอร์ส “โอมากาเสะ อูนิ” จาก “Mido Omakase” ที่ถ่ายทอดความอร่อยผ่านฝีมือของ Sushi Master ชาวญี่ปุ่น Chef Masa เชฟหนุ่มที่มีประสบการณ์จากร้านซูชิชื่อดังทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 10 ปี มาสร้างสรรค์ออกแบบเมนู ให้ลูกค้าทุกคนของทางร้านได้ลิ้มลอง คอร์สนี้จะมีอะไรบ้างมาดูกัน !
อย่างแรกเลยเชฟจะโชว์ถาดอูนิที่จะนำมารังสรรค์แต่ละเมนูของวันนี้ให้เราทานได้ชมกัน ซึ่งแต่ละคนจะได้อูนิคนละ 125 กรัม/คอร์ส โดยเชฟจะเลือกใช้อูนิ 2 สายพันธุ์ยอดนิยมด้วยกัน คือ Murasaki และ Bafun
ซึ่งทางร้านได้นำเข้ามาจากฮอกไกโดเพราะเป็นแหล่งที่มีหอยเม่นอร่อยที่สุด โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของประเทศญี่ปุ่น อูนิ ที่ได้จึงมีชิ้นใหญ่ที่สุด และหวานที่สุด (แนะนำให้มาทานในช่วงนี้)
ส่วนเนื้อปลาที่เชฟเลือกมาใช้นั้นจะเป็นปลาตามฤดูกาลสั่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น วันต่อวันซึ่งปลาแต่ละชนิดที่เชฟเลือกนั้นเมื่อทานคู่กับอูนิแล้วจะชูรสชาติเด่น ๆ ของปลาออกมาได้มากที่สุด
อูนิ ซาซิมิ จานแรกของคอร์ส ทางเชฟจะเสิร์ฟมาให้ 2 สายพันธุ์พร้อมกัน โดย 2 สายพันธุ์นี้จะแตกต่างกันตรงที่ Bafun จะมีสีเข้มกว่ามีรสหวานละมุนลิ้น ไม่ล้ำลึกมาก เนื้อสัมผัสค่อนข้างแน่นคล้ายเยลลี่ ส่วน Murasaki จะมีความครีมชุ่มฉ่ำกว่ารสชาตินุ่มลึกกว่าแล้วแต่คนชอบบอกเลยว่าสดมากๆ
คิมเมไดซูชิ หรือ ปลากะพงแดงตาโต ส่งตรงมาจากจากจังหวัดชิบะประเทศญี่ปุ่น มีรสสัมผัสหวานเข้มข้นตัดกับความเค็มอ่อนๆของข้าวซูชิได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นเนื้อปลาที่หาทานได้ยากไม่ค่อยเจอในร้านซูชิทั่วไป
คาวาฮากิ ซูชิ หรือ ปลาหน้าวัว ทีเด็ดของซูชิคำนี้ก็ คือ การใช้ตับของปลาคาวาฮากิ มาท็อปข้างบนตัวซูชิเมื่อทานไปแล้วจึงสัมผัสได้ถึงความหนึบแน่นของเนื้อปลาสด ๆ และความหอมมันดุจฟัวกราส์จากตับของมัน จนยากที่จะลืมรสสัมผัสนี้
อากามิ ซูชิ คือ เนื้อส่วนกลางลำตัวของปลาทูน่า ที่แทบจะไม่มีมันแทรก ให้รสสัมผัสถึงความเข้มข้น และความแน่นละเอียด ทันทีที่ได้ทาน อีกหนึ่งความพิเศษของเมนูปลาทูน่าในร้านนี้ คือ ทางร้านจะเลือกใช้
“ทูน่า บลูฟิน” จากวากายามะเพราะเป็นแหล่งที่มีอุณหภูมิน้ำดีที่สุดทำให้ได้เนื้อปลาที่มีรสชาติดีที่สุด
ซึ่ง “ทูน่า บลูฟิน” เป็นปลาตัวใหญ่ หนักเกิน 100 กก. ++ แต่ว่ายน้ำเร็วมาก จึงมีรสเปรี้ยวจากกรดอะมิโนที่แทรกอยู่ เชฟจึงนำมา Aging ทั้งหมด 7 วัน ในอุณหภูมิ 1-2 องศาด้วยตู้เย็นคุณภาพสูงเพื่อไล่กรดนี้ออกทำให้ได้เนื้อปลาที่นุ่มละมุนลิ้นแต่ยังคงความสดของเนื้อปลาไว้ดังเดิมเสมือนวันแรกที่จับมา
โฮตารุอิกะ หรือ ปลาหมึกหิ่งห้อยราดซอสมิโสะ และอูนิอีกหนึ่งเมนูที่ต้องไปทานเพราะตัวปลาหมึกจะมีความหวานกรอบเมื่อทานคู่กับซอสมิโสะที่มีความมันเค็มนิด ๆ และอูนิที่มีความหวานละมุนพอดีคำขอบอกว่าลงตัวมาก ๆ
ชิราอุโอะ หรือ ปลาเงิน เป็นปลาขนาดจิ๋วตัวใส โดยเชฟจะนำมาวางเรียงกันเป็นหน้าซูชิ รสชาติของคำนี้จะเข้มข้นมาก ๆ ออกขมนิด ๆ เมื่อเคี้ยวไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงความสดของเนื้อปลา ประหนึ่งอยู่ในท้องทะเลนางาซากิ
อูนิ โซเมน เส้นโซเมนญี่ปุ่น ราดด้วยน้ำซุปอูนิ ก่อนจะท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ และอูนิเพื่อดึงรสชาติให้ชัดยิ่งขึ้น จานนี้คุณจะสัมผัสได้ถึงความหวานจากวัตถุดิบธรรมชาติที่แท้จริง
ปลามาได ย่างใบโฮบะ พร้อมกับท็อปด้วยอูนิ คำนี้จะให้รสชาติความเค็มนิด ๆ จากเนื้อปลา ตัดกับความหวานของอูนิด้านบน เมื่อนำมาย่างบนใบโฮบะแล้ว จะสัมผัสได้ถึงรสชาติ และกลิ่นที่ละมุนจนต้องร้องขอทานอีกสักคำ
อูนิ ซูชิ อีกหนึ่งความสดที่ต้องลอง เพราะเชฟจะนำอูนิทั้ง 2 สายพันธุ์มาวางรวมกันบนข้าวซูชิร้อน ๆ ที่ถูกปรุงมาอย่างดี รับรองว่าเมื่อคุณได้ทานแล้วสิ่งแรกที่คุณจะรู้สึกเลยก็คือความสด และความหวานฉ่ำของเนื้ออูนิที่แทรกด้วยกลิ่นอายของทะเล จนยากที่จะกลืนเพราะอยากเก็บสัมผัสนี้ให้นานที่สุด
ข้อควรระวังของคำนี้ก็คือ ระวัง อูนิ หล่น !! เพราะทางร้านให้อูนิมาเยอะมาก จนล้น !
โอโทโร่ ซูชิ คือ เนื้อปลาส่วนที่มีมันแทรกมากที่สุด หายากที่สุดของ “ทูน่า บลูฟิน” คำนี้ขอบอกเลยว่าแทบจะไม่ต้องเคี้ยวเพราะตัวปลามีความมันและนุ่มจนละลายในปากบวกกับความเค็มของซอสสูตรลับเฉพาะของทางร้านและไข่ปลาคาเวียร์ที่วางท็อปอยู่ด้านบนแล้วบอกเลยว่าพลาดไม่ได้
อีกหนึ่งไฮไลต์ของคอร์สนี้ขอยกให้กับ “อูนิ เทมปุระ” โดยเชฟจะนำอูนิไปห่อด้วยใบโอบะ และนำลงไปคลุกเคล้ากับแป้งเทมปุระ ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันจนกรอบเสิร์ฟแบบร้อนๆพร้อมผ่าครึ่งเห็นอูนิข้างในกันเยิ้ม ๆ ดังลาวากรอบนอกฉ่ำใน เมื่อบีบมะนาว พร้อมกับโรยเกลือซากุระไปแล้ว ขอบอกเลยว่าตัดกันดีกับรสชาติที่หวานมันของอูนิจนต้องขอสั่งอีกสักคำ
หากท่านใดติดใจรสชาติอันละมุนของ “อูนิ เทมปุระ” จานนี้ ทางร้านมีให้สั่งแยก โดยจะเสริฟเพิ่มวันละ 4 ที่เท่านั้น
โทบิอุโอะ ซูชิ หรือ ปลาบิน เนื้อสัมผัสของปลาชนิดนี้จะมีความแน่น และเด้ง เมื่อนำเยลลี่พอนซึที่ให้รสชาติเปรี้ยวท็อปไว้ด้านบนแล้ว เป็นอีกคำที่ทำให้สดชื่นไปทั้งวัน
ชูโทโร่ คือ เนื้อท้องปลามากูโรส่วนหลังที่มีไขมันปานกลางในเนื้อ มีสีแดงผสมกับสีขาวของไขมัน โดยเชฟจะนำไปเบิร์นไฟให้ได้กลิ่นหอม ก่อนจะโรยด้วยเกลือชนิดพิเศษส่งตรงจากประเทศอังกฤษ และซอสยูสุ
ความรู้สึกแรกเมื่อได้ทานคุณจะสัมผัสได้ถึง ความนุ่มของเนื้อ แต่แอบแฝงไปด้วยความแน่น และความหวานจากเนื้อปลา แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงการละลายของไขมันบนลิ้น
อาวาบิ หรือ หอยเป๋าฮื้อ ทางเชฟนำหอยเป๋าฮื้อตัวโตมาตุ๋นนานถึง 3 ชั่วโมงจนได้เนื้อที่นุ่มหนึบสไลซ์เป็นชิ้นบาง ๆราดด้วยซอสอุนิและท็อปด้วยอูนิสดคำนี้จะได้สัมผัสกับความหวานจากธรรมชาติของอูนิเมื่อผสมกับรสชาติเฉพาะตัวที่เข้มข้นของหอยเป๋าฮื้อแล้วเป็นอีกจานที่กล้าพูดได้ว่าลงตัวที่สุด
ข้าวหน้าปลาดิบ ความพิเศษของเมนูนี้คือเชฟจะนำข้าวญี่ปุ่นเม็ดงามที่ถูกหุงพิเศษมาคลุกเคล้ากับอูนิจนกลายเป็นสีเหลืองทอง ก่อนจะท็อปด้วยโอโทโร่สับ และไข่ปลาแซลมอลสีส้มสด เสริฟคู่กับสาหร่ายที่บรรจงย่างอย่างพิถีพิถันจนกรอบ
เมนูนี้จะทานได้ 2 แบบด้วยกันคือเอาเนื้อปลาคลุกข้าวแล้วห่อด้วยสาหร่ายพอดีคำ หรือ จะเอาสาหร่ายห่อข้าวก่อนแล้วค่อยท็อปด้วยเนื้อปลา และไข่แซลมอน ก็อร่อยไม่แพ้กัน แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน
ความรู้สึกแรกเมื่อลิ้นได้สัมผัสกับเมนูนี้เลยก็คือความหอมและกรอบของสาหร่ายแซมด้วยรสชาติหวานของอูนิและความเค็มอ่อนๆของไข่ปลาแซลมอลละมุนจนฟินไปทั้งวัน
ทามาโกะยากิ เป็น ไข่หวาน ที่ให้เนื้อสัมผัสเสมือนขนมปัง รสชาติหวานกำลังดี
มิโซะซุป เชฟจะใส่เกล็ดเทมปุระให้ได้เคี้ยวกันกรุบ ๆ ในน้ำซุปร้อน ๆ ลงตัวที่สุด
ไอศกรีมเต้าหู้ เป็นอีกหนึ่งของหวานทานเล่นที่รสชาติไม่ใช่เล่นโดยเชฟจะนำเอาครีมมาปั่นกับเต้าหู้จนเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันให้สัมผัสที่นุ่มลิ้นและหวานกำลังดี
โมจิซอสถั่วแดง ถือเป็นของหวานสุดคลาสสิคของญี่ปุ่นที่ขาดไม่ได้ ตัวแป้งหนึบนุ่ม เข้ากับซอสถั่วแดงที่ถูกปรุงมาอย่างดี ถือเป็นจานปิดจบที่ให้ความรู้สึกเสมือนได้ไปทานอาหารถึงประเทศญี่ปุ่นจริง ๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม :
ราคา : 9,000++/คน
ร้านเปิด : อังคาร – อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์)
2 รอบ/วัน : 17:00 – 19:00 , 19.30 – 21.30
ตั้งอยู่ชั้น G คอมมูนิตี้มอลล์ Eight Thonglor
โทร : 063-426-4266