ทำไมศาสตร์แห่งการประดิษฐ์นาฬิกา และอาหารชั้นสูงถึงมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน ?

Blancpain เชื่อว่าศาสตร์แห่งการรังสรรค์ เรือนเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie) 
และอาหารชั้นสูง (Haute Cuisine) นั้นมีเสน่ห์คล้ายๆกัน เพราะทั้งสองต่างต้องการมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ด้วยทักษะความเชี่ยวชาญชั้นครู   ความแม่นยำ รวมถึงความหลงใหลในสิ่งที่ตนทำอย่างแท้จริง

การร่วมงานกับเชฟผู้รังสรรค์อาหารชั้นเลิศระดับดาวมิชลินนั้น เป็นสิ่งที่ Blancpain
 ได้เห็นถึงคุณค่าและให้ความสำคัญในการร่วมงานมาอย่างยาวนาน โดยล่าสุดนั้นเป็นคราวของสองเชฟฝาแฝดมากความสามารถอย่าง โธมัส และ แมทธิอัส ซูห์ริง 
จากร้านอาหาร Fine Dining อันเลื่องชื่อ Sühring ที่ได้มาเป็น Friend of the Brand  ของ Blancpain อย่างเป็นทางการ โดยความยอดเยี่ยมของทั้งสองนั้นการันตีด้วยสองดาวจากมิชลิน ถึงสองปีซ้อน และสำหรับปี 2020 ยังได้รับอันดับ 6 จาก 50 สุดยอดร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียอีกด้วย!

ด้วยความพิถีพิถันและมุ่งมั่นอุทิศให้กับความเป็นเลิศแห่งปรัชญาในการรังสรรค์เมนูอาหารของร้าน Sühring นั้น จึงเปรียบเสมือนศาสตร์ และศิลป์ในการประดิษฐ์เรือน เวลาของ Blancpain และนี่ก็คือสิ่งที่ทั้งสองต่างทำเพื่อให้ไปถึงผลงานอันทรงพลัง

#ความปราณีตอีกขั้นที่คุณคาดไม่ถึง การจะรังสรรค์เรือนเวลาชั้นสูงแต่ละเรือน และ
อาหารชั้นสูงแต่ละจานนั้น     ต้องอาศัยความปราณีต รวมถึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจในการดีไซน์บน  พื้นฐานความเที่ยงตรงของเวลา หรือการรังสรรค์รสชาติด้วยความใส่ใจ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของผลงานอย่างแท้จริง

#วัสดุที่ดีเสมือนกับการเลือกวัตถุดิบที่ดี เชฟโธมัส และเชฟแมทธิอัส ซูห์ริง รวมถึง
นักประดิษฐ์เรือนเวลาของ Blancpain ต่างให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบ 
และวัสดุที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำมาผสมผสานกับงานฝีมือและความหลงใหลจนเกิดเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ

#ความเที่ยงตรงคือหัวใจสำคัญ ความเที่ยงตรงอันเป็นแก่นสำคัญของนาฬิกาชั้นสูงนั้น หมายถึงความแม่นยำของเวลาในการปรุงอาหารชั้นสูงอันเลิศรส เพราะหากเวลาคลาดเคลื่อนไปเพียงนาทีเดียว เอกลักษณ์ของอาหารจานนั้นอาจหายไปตลอดกาล นาฬิกา Blancpain ซึ่งรวบรวมทั้งเอกลักษณ์และ Innovation จึงเป็นส่วนหนึ่งใน
หัวใจสำคัญของเชฟฝาแฝดแห่งร้าน Sühring

โดยเชฟทั้งสองได้เลือกนาฬิกาจากคอลเลคชั่น Fifty Fathoms ซึ่งเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำยุคปัจจุบัน โดย Blancpain เลือกที่จะเก็บดีไซน์รูปแบบของเรือนเวลา
ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นตั้งแต่ปี 1953 ไว้ และไม่หยุดนิ่งที่จะนำเสนอผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงฟังค์ชั่นต่างๆที่ทำให้นาฬิกาจากคอลเลคชั่นนี้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย

เชฟโธมัสเลือก Fifty Fathoms Chronographe Flyback 
(Ref.5085F-1130-52B) ตัวเรือน Stainless Steel พร้อมกลไกอัตโนมัติและฟังก์ชั่น Flyback ที่ช่วยให้สามารถรีสตาร์ท Chronograph ได้ทันทีเพียงปุ่มเดียว สำรองพลังงานได้นาน 40 ชั่วโมง หน้าปัดขนาด 45 มิลลิเมตร และอีกหนึ่งจุดสำคัญของนาฬิกาเรือนนี้คือสายที่ใช้วัสดุผ้าใบคุณภาพเดียวกับที่ใช้บนเรือล่องทะเล รองด้านใต้ด้วยวัสดุยาง หรือที่เรียกว่าสาย Sail Canvas ทำให้คงทนและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แปลกใจที่ถึงแม้ว่าจะเป็นนาฬิกาดำน้ำ แต่สามารถใช้งานได้หลากหลายโอกาสอย่างแท้จริง มาพร้อมกับราคา 600,500 บาท

ส่วนเชฟแมทธิอัสเลือก Fifty Fathoms Bathyscaphe Chronographe Flyback (Ref. 5200-0130-B52A) ซึ่งเป็นเรือนที่ได้รับการพัฒนาดีไซน์มาจากรุ่นปี 1956 และอยู่ในไลน์ย่อยของ Fifty Fathoms ตัวเรือนวัสดุเซรามิกสีดำพร้อมฟังก์ชั่น Flyback เช่นเดียวกัน ขนาดหน้าปัด 43.6 มิลลิเมตร และสำรองพลังงานได้นานถึง
50
ชั่วโมง ซึ่งเชฟแมทธิอัสเลือกจับคู่กับสาย Sail Canvas เช่นเดียวกัน นาฬิกามาในราคา 560,000 บาท   เรียกได้ว่าทั้งความเป็นฝาแฝด พรสวรรค์ในการทำอาหารชั้นเลิศ และเทสต์ในการเลือกนาฬิกาของทั้งสองนั้น น่าสนใจไม่ใช่น้อย

การโคจรมาพบกันระหว่างโลกแห่งเรือนเวลาชั้นสูง และการทำอาหารชั้นสูง 
จึงเป็นที่มาของศิลปะแห่งการใช้ชีวิต (Art Of Living) ซึ่งบ่งบอกถึงความหลงใหล
และตัวตนของ Blancpain ในฐานะผู้ประดิษฐ์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1735 และผู้นำทางนวัตกรรมแห่งโลกเวลายุคปัจจุบัน